ออกกำลังกายแค่ไหนถึงจะดีต่อร่างกาย

ออกกำลังกายแค่ไหนถึงจะดีต่อร่างกาย
จริงๆ แล้วการออกกำลังกาย คือ การสร้างเสริมสุขภาพให้แข็งแรง ป้องกันหรือทำให้ห่างไกลจากโรค ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเลือกออกกำลังกายแบบไหน ออกมากออกน้อย สิ่งที่ได้ก็คือสุขภาพของคุณเช่นกัน ทุกคนนั้นมีพื้นฐานของร่างกายที่แตกต่างกัน ทำให้การบอกให้ชัดเจนหรือจัดประเภทการออกกำลังกายให้เหมาะสมและครอบคลุมสำหรับทุกคนนั้นทำได้ยาก ทุกคนมีความเหมาะสมต่อวิธีออกกำลังกายและความหนักเบาที่ต่างกัน ดังนั้น เราควรเลือกออกแบบที่เหมาะสมกับเรา และสะดวกสบายต่อเราด้วยเช่นกัน เราไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงเหมือนคนอื่น ๆ เพราะคนอื่นๆ ไม่ได้มีร่างกายเหมือนกับคนนั้นที่คุณพูดถึง เช่น หากคุณเป็นคนที่กำลังเริ่มออกกำลังกาย ซึ่งยังไม่เคยออกกำลังกายเป็นประจำมาก่อน การวิ่งเพียง 1-2 นาทีก็อาจทำให้คุณปวดขาไปทั้งวันได้ การเลือกวิธีออกกำลังกายที่เราชอบจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมีส่วนช่วยทำให้เราออกกำลังกายได้นานขึ้น มีความสุขไปกับการออกกำลังกาย จากนั้นคุณจึงค่อยๆ ลองเพิ่มความแอดวานซ์ให้กับการออกกำลังกายทีละนิด ในระดับที่เราพอทำได้ ทั้งนี้ระดับเบาที่สุด เช่น วิ่งบนลู่วิ่งในความเร็วระดับ 4 ที่ 3 นาที จากนั้นหากทำได้โดยไม่เหนื่อยเกินไป ก็ค่อย ๆ เพิ่มระดับความเร็ว หรือเพิ่มความยาวนานในการวิ่งมากขึ้นทีละนิด

รวมถึงการออกกำลังกายแบบยกน้ำหนัก ควรค่อย ๆ เพิ่มน้ำหนัก รวมถึงจำนวนครั้งในการยกอย่างช้า ๆ เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บอีกด้วย

ดังนั้น การออกกำลังกาย ไม่จำเป็นต้องทำทุกวัน แต่ควรเลือกทำกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายได้ใช้แรงจนรู้สึกเมื่อย หรือเหนื่อยหอบเบา ๆ ทุกวัน วันละเล็กละน้อย ก็เหมือนช่วยให้ร่างกายได้ออกกำลังกายเบา ๆ ทุกวันโดยไม่ต้องเข้าฟิตเนส แต่กระนั้นการออกกำลังกายอย่างเต็มรูปแบบก็ยังสำคัญอยู่ ควร “ตั้งใจ” ออกกำลังกายอย่างน้อยครั้งละ 30 นาที 3-5 วันต่อสัปดาห์ จะช่วยให้มีร่างกายที่แข็งแรง และช่วยควบคุมน้ำหนักได้ดีอีกด้วย

แค่เดินถูกวิธี ก็สามารถเผาผลาญได้

“อ้วนขึ้นหรือเปล่าจ๊ะ?” คำทักทายนี้ช่างสะเทือนตับไตไส้พุงหนุ่มสาวหลายคนยิ่งนัก อยากจะบอกว่า #ไม่น่ารักเลย ทักกันแบบนี้ อยากตะโกนกู่ร้องให้โลกรู้ว่า ‪#‎อย่าหาว่าพี่สอนเลยนะ‬ อ้วนไม่ใช่คำทักทายย่ะ พอกลับบ้านมาส่องกระจกเห็นแขนขาล่ำสัน พร้อมพุงกะทิน้อย ๆ เซลลูไลท์นิด ๆ ก็ชูสองนิ้วปฏิญาณตนกันทันทีว่า “ฉันจะออกกำลังกายฟิตหุ่น คอยดูนะพวกเธอ ฉันจะผอม” ถ้าลองนับก็ไม่รู้ว่ารอบที่เท่าไรกันแล้วที่พูดแบบนั้น สุดท้ายด้วยหน้าที่การงานเวลาที่จำกัด กลับบ้านมาอย่าว่าแต่จะออกกำลังกายแค่อาบน้ำยังขี้เกียจเลย กลายเป็น “พรุ่งนี้ค่อยลด” วนเวียนตลอด แล้วเมื่อไหร่ฉันจะผอมหุ่นดีมีซิกแพคกับเขาบ้างเนี่ย?

อย่าเพิ่งใจเสียไปค่ะ เราเข้าใจว่าด้วยภาระหน้าที่ของแต่ละคนทำให้ไม่มีเวลาไปออกกำลังกายได้อย่างใจคิด วันนี้เราเลยมีการเบิร์นแคลอรี่ที่ได้ผลดีไม่ต้องใช้เวลามาก แต่เป็นสิ่งที่เราทำในชีวิตประจำวันอยู่แล้วมาแนะนำ นั่นก็คือ “การเดิน” นั่นเอง

 

รู้หรือเปล่าคะการเดินเพียงวันละ 30 นาที ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้ประมาณ 120-170 แคลอรี่เชียวนะ แต่ถ้าจะบอกลาแคลอรี่ไม่ใช่ว่าเราจะเดินเฉย ๆ นะ แต่ต้องเดินให้ถูกวิธีด้วยถึงจะได้ผล ไปดูการเดินที่ถูกวิธี บอกลาแคลอรี่กันแบบไม่ยุ่งยากกันเลย

เดินเร็ว

  • การเดินช้า ๆ หรือเดินทอดน่องไม่สามารถช่วยเบิร์นแคลอรี่ได้มากนัก การเดินที่ได้ผลคือ “ต้องเดินแล้วเหนื่อย” เพราะฉะนั้นเวลาเดินควรเดินเร็ว ๆ ก้าวเท้าถี่ ๆ จะช่วยเผาผลาญแคลอรี่จากกล้ามเนื้อขา และสะโพกได้ นอกจากนี้การเดินเร็ว ๆ ยังเป็นการกระตุ้นการทำงานของร่างกายโดยเฉพาะระบบหัวใจและหลอดเลือดให้ทำงานเพิ่มขึ้น เป็นการฝึกให้หัวใจทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย

แกว่งแขนไปมา

  • บริเวณใต้รักแร้ของเรามีต่อมน้ำเหลืองอยู่ ดังนั้นการแกว่งแขนจะช่วยให้ต่อมน้ำเหลืองมีการไหลเวียนดีขึ้น ทำให้ขับสารพิษและของเสียออกจากร่างกาย วิธีแกว่งแขนควรแกว่งไปหน้าหลังให้สุดแกว่งมาด้านหน้าให้ผ่อน โดยแกว่งสลับกับขาที่ก้าวออกไปข้างหน้า หากทำถูกวิธีจะช่วยทำให้ลดการสะสมของไขมันที่ใต้ผิวหนังและช่องท้อง แถมการแกว่งแขนไปมายังช่วยบริหารบริเวณหัวไหล่ ทำให้คุณคลายปวดไหล่ปวดบ่าจากการทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นาน ๆ อีกด้วยนะคะ

เดินสลับวิ่ง

  • บางคนที่สุขภาพแข็งแรงเดินอย่างเดียวอาจจะรู้สึกเหนื่อยไม่พอ การที่ไม่รู้สึกเหนื่อยก็แสดงว่าไม่ได้ผลนะคะ ดังนั้น เราอาจจะเกินสลับวิ่ง เพื่อช่วยเพิ่มการทำงานของหัวใจ เช่น เดิน 40 ก้าว วิ่ง 40 ก้าว แล้วค่อย ๆ ลดจำนวนการเดินเพิ่มจำนวนการวิ่งไปเรื่อย ๆ สำหรับข้อนี้แนะนำให้ทำตอนเย็นดีกว่าตอนเช้า ไม่อย่างนั้นคุณอาจจะเหม็นเหงื่อตัวเองไปทั้งวันแน่ ๆ

เดินขึ้นบันไดแทนลิฟต์

  • เชื่อไหมว่า การขึ้นบันไดประมาณ 15 นาที จะมีการเผาผลาญพลังงานถึง 150 แคลอรี่ต่อครั้งเลยทีเดียว การขึ้นบันไดเป็นการออกกำลังแบบแอโรบิคช่วยทำให้หัวใจแข็งแรง เสริมสร้างกล้ามเนื้อต้นขา น่องและก้นจะแข็งแรง (แถมกระชับด้วยนะ) รู้แบบนี้แล้ว ถ้าต้องขึ้นไปชั้นอื่นที่ไม่ไกลนัก ก็เปลี่ยนมาเดินขึ้นบันไดให้ติดเป็นนิสัยกันดีกว่าค่ะ ได้ทั้งเบิร์นไขมันได้ทั้งประหยัดพลังงานดีจะตาย

ค่อย ๆ หยุดเมื่อใกล้ถึงที่หมาย

  • เนื่องจากเราเดินมาเร็ว ๆ จะให้มาหยุดปุ๊บปั๊บ อาจจะทำให้ระบบในร่างกายหยุดทำงานกะทันหันเกินไป กล้ามเนื้อก็อาจจะบาดเจ็บได้ ดังนั้น ก่อนหยุดเดิน ควรมีระยะผ่อนคลาย คือ ค่อย ๆ เดินช้าลงเมื่อใกล้ถึงที่หมาย หรืออาจะใช้การยืดเส้นยืดสายเบา ๆ เหมือนกับการคูลดาวน์หลังออกกำลังกาย เพื่อให้ระบบต่าง ๆในร่างกายค่อย ๆ ปรับตัวลดการทำงานลงสู่สภาวะปกติ การค่อย ๆ หยุดเดินมีความสำคัญมากโดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่มักมีปัญหาการทำงานของระบบหัวใจและหลอดเลือด

เห็นไหมคะ ไม่ยากเลยที่จะเผาเจ้าไขมันตัวดี แค่ขยับก็เท่ากับออกกำลังกายแล้ว เพียงแต่เราต้องเพิ่มสเต็ปขยับให้ถูกวิธีนิดหนึ่งถึงจะได้ผล ซึ่งข้อที่ควรจำไว้ให้มั่นเลย คือ “ต้องเดินให้เหนื่อยถึงจะได้ผล” และต้องเดินเป็นประจำอย่าได้ขี้เกียจเป็นอันขาด ท่องไว้ค่ะ ฉันจะผอม ๆ ถ้าระยะทางใกล้ ๆ เราควรหันมาพึ่งบริการสองขาของเราแทนพี่วินมอเตอร์ไซค์ เดินไปชมวิวไปเพลินจะตาย ที่นี้ล่ะคำทักทายของคนอื่นเวลาเจอคุณจะต้องเปลี่ยนจาก “อ้วนขึ้นหรือเปล่าจ๊ะ?” เป็น “ผอมลงหรือเปล่า ไปทำอะไรมา?” ส่วนใครที่อยากรู้ทิปง่าย ๆ สร้างสุขภาพดี ๆ อ่านบทความนี้ แล้วโบกมือลาแคลอรี่ได้เลยจ้า

การดูแลสุขภาพให้ดีในแต่ละวัน ต้องประกอบไปด้วยอะไรบ้าง

 

   

                  การดูแลสุขภาพถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับมนุษย์ทุกคน เพราะสุขภาพของคนเรานั้นเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คนเรานั้นมีอายุยืนปราศจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายได้ ในปัจจุบันสังคมในประเทศไทยได้มีการเปลี่ยนแปลงไปมากในเรื่องของการใช้แรงงาน หันเปลี่ยนมาเป็นการทำงานที่นั่งโต๊ะทำงานเป็นจำนวนมากอาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายของคุณโดยไม่รู้ตัว ไม่ใช่แค่เพียงการทำงานเรื่องเดียวยังมีเรื่องของการใช้ชีวิตในประจำวันแบบเร่งรีบอาจส่งผลให้เกิดความเครียดได้ แล้วยิ่งในปัจจุบันการทำงานก็เริ่มเยอะมากขึ้นจึงไม่มีเวลาที่จะดูแลสุขภาพ ไม่มีเวลาออกกำลังกาย เท่าที่ควร การออกกำลังกายเป็นยารักษาโรคอีกรูปแบบหนึ่งที่จะช่วยให้ร่างกายของคุณนั้นแข็งแรงได้ รวมไปถึงเรื่องการรับประทานอาหารด้วยในตอนนี้ชีวิตประจำวันของคนทำงานบางส่วนก็ยังทานอาหารที่ไม่มีคุณภาพอย่างเช่น อาหารสำเร็จรูปทั้งหลายที่มี โปรตีน หรือ มีวิตามินน้อยกว่าการรับประทานอาหารทั่วไป อีกทั้งยังมีเรื่องของการไม่ดูแลสุขภาพของตนเองอีกด้วย

วันนี้ผมจะมาแนะนำการรับประทานอาหารเพื่อดูแลสุขภาพให้ดีก็คือ อย่างแรกเลยทุกคนควรกินอาหารในแต่ละมื้อให้ครบ 5 หมู่ และควรควบคุมน้ำหนักตัวเองไม่ควรที่จะปล่อยปะละเลย ต่อมาควรที่จะเลือกทานข้าวเป็นหลักสลับกับอาหารจำพวกแป้งแล้วก็ควรที่จะเลือกกินข้าวกล้องแทนข้าวขาว เพราะว่าข้าวกล้องจะได้สารอาหารหรือใยอาหารมากกว่าในตอนทานข้าวก็ควรทานผักให้เยอะๆ และต้องกินผลไม้เป็นปะจำเพราะจะทำให้สร้างภูมิคุ้มกัน และยังช่วยต้านทานโรคมะเร็งอีกด้วย ควรที่จะหลีกเลี่ยงการกินเนื้อสัตว์ที่ไขมันสูงในบาง มื้อ ถ้าอยากทานเนื้อสัตว์ก็ควรที่จะทานปลาเพราะปลาเป็นสัตว์ที่ทีไขมันต่ำ และที่สำคัญควรจะเลี่ยงไม่กินอาหารที่มีรสจัดด้วย ถ้าหากอยากมีสุขภาพที่ดีก็ควรรับประทานอาหารตามที่กล่าวไว้นะครับ