เปิดเคล็ดลับการเลือกทานผลไม้อย่างไรให้ช่วยลดน้ำหนัก

เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้ชื่นชอบการดื่มน้ำผลไม้กันเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะมีรสชาติที่อร่อยถูกปากแล้ว

ทานผลไม้อย่างไรให้ช่วยลดน้ำหนัก ยังช่วยให้ร่างกายของเราตื่นตัว และรู้สึกสดชื่นได้อีกด้วย แถมยังทำให้ร่างกายของเราได้รับสารอาหารที่ดีและมีประโยชน์อีกด้วย แต่รู้หรือไม่ว่า ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงชอบหันมารับประทานผลไม้ ก็เพราะว่าผลไม้นั้นสามารถช่วยลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เพราะไม่ว่าใครก็ตามในสมัยปัจจุบันนี้มักที่จะมองหาวิธีการลดน้ำหนักกันอยู่อย่างแน่นอน ดังนั้น ผลไม้ จึงเป็นหนึ่งในทางเลือกที่หลาย ๆ คนมองว่าสามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่ายได้ และช่วยลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง

แต่ทว่า ถึงแม้ผลไม้ในสมัยปัจจุบันนี้จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของเรามากขนาดไหนก็ตาม แต่ก็ใช่ว่าผลไม้บางประเภทจะสามารถช่วยลดน้ำหนักได้ เพราะผลไม้บางประเภทจะมีน้ำตาลที่ค่อนข้างสูง ซึ่งหากเราทานเข้าไปแล้วจะยิ่งทำให้น้ำหนักตัวของเราเพิ่มขึ้นได้ ฉะนั้น หากใครที่อยากเริ่มต้นหันมาลดน้ำหนัก หรือดูแลสุขภาพร่างกายของตนเอง

วันนี้เราก็จะมาแนะนำเคล็ดลับง่าย ๆ ในการเลือกทานผลไม้อย่างไรให้ช่วยลดน้ำหนักได้ ไปดูกันเลย 

1.การหลีกเลี่ยงผลไม้หวานจัด

ถึงแม้ว่าผลไม้ที่มีรสชาติหวานจะช่วยให้ร่างกายของเรารู้สึกสดชื่อนมากขนาดไหนก็ตาม แต่หากเราทานบ่อย ๆ จะยิ่งเพิ่มปริมาณน้ำตาลภายในร่างกายของเรา ซึ่งก็จะทำให้น้ำหนักของเราเพิ่มขึ้นไปด้วยเช่นกัน

ฉะนั้น เพื่อให้การลดน้ำหนักของเรามีประสิทธิภาพ ควรที่จะหลีกเลี่ยงผลไม้ที่มีรสชาติหวานจัดเกินไป เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการลดน้ำหนักของเรานั่นเอง 

2.การหลีกเลี่ยงผลไม้อบแห้ง

หลายคนอาจจะมองว่า ผลไม้อบแห้งในสมัยปัจจุบันนี้เป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเรา แต่รู้หรือไม่ว่า ผลที่ผ่านการอบแห้งมาแล้ว นอกจากนี้ทำให้สารอาหารที่อยู่ผลไม้ลดลงแล้ว ยังอาจทำให้ร่างกายของของเราได้รับความเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่าง ๆ ได้ง่ายเช่นกัน

เครื่องช่วยฟังราคาถูก    ฉะนั้น ทางที่ดี เพื่อช่วยให้การลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพ ควรหลีกเลี่ยงอาหารอบแห้ง และควรจะเลือกทานผลไม้สด ๆ แทน เพื่อเป็นการกระตุ้นระบบขับถ่ายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

3.การหลีกเลี่ยงผลไม้กระป๋อง

ถึงแม้ว่าผลไม้กระป๋องจะเป็นผลไม้ที่สามารถหาทานได้ง่าย แต่หลายคนอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่า ผลไม้เหล่านี้จะมีรสชาติที่ค่อนข้างหายมาก ๆ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการลดน้ำหนักของเราได้

ฉะนั้น หากใครที่อยู่ในช่วงของการลดน้ำหนัก ขอบอกเลยว่าควรที่จะหลีกเลี่ยงการทานผลไม้กระป๋องอย่างเด็ดขาด เพื่อให้การลดน้ำหนักของเรามีประสิทธิภาพ และเห็นผลได้อย่างชัดเจน

วิธีในการเปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติเพื่อผิวคุณ

วิธีในการเปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์ ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ความงามมากมายให้เราได้เลือก เดินไปตามทางเดินของร้านขายยาแล้วคุณจะเห็นผลิตภัณฑ์เสริมความงามหลายร้อยรายการที่ให้คำมั่นสัญญาได้ทุกประเภท

ปัญหาคือทุกสิ่งที่เราใส่ลงบนผิวของเราจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายของเรา ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวทั่วไปมักเต็มไปด้วยสารเคมีที่เราไม่คิดว่าจะปล่อยให้เข้าสู่ร่างกายหากเรารับประทานเข้าไป การเปลี่ยนมาใช้การดูแลผิวจากธรรมชาติทั้งหมดหมายถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพผิวและร่างกายของคุณและต่อโลกโดยรวม

ต่อไปนี้คือบางสิ่งที่เราพบว่ามีประโยชน์ในการเปลี่ยนแปลงนี้ ให้เวลา เมื่อใดก็ตามที่คุณเปลี่ยนกิจวัตรการดูแลผิวอย่างรุนแรง จะมีช่วงระยะเวลาปรับตัวเล็กน้อย เมื่อคุณเปลี่ยนไปใช้ครั้งแรก คุณอาจสังเกตเห็นความแตกต่าง – ผิวของคุณอาจมีความมันมากกว่าปกติเล็กน้อย บางทีมันอาจจะแห้งกว่า

เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่ปรับตัวได้ เราเคยชินกับการใช้สารเคมีบนผิวของเรา และเรายังสามารถปรับตัวให้เข้ากับส่วนผสมจากธรรมชาติได้อีกด้วย เมื่อเราเปลี่ยนไปใช้ส่วนผสมที่เรียบง่ายและเป็นธรรมชาติมากขึ้น บางครั้งเราอาจตอบสนองในรูปแบบแปลกๆ เมื่อร่างกายของเราเชื่อมต่อกับสมดุลตามธรรมชาติอีกครั้ง

แทนที่จะใช้สิ่งนี้เป็นสัญญาณว่าผิวของคุณไม่ชอบผลิตภัณฑ์ใหม่ ลองให้เวลากับมันสักสองสามสัปดาห์ ให้โอกาสร่างกายของคุณกลับเข้าสู่สมดุลตามธรรมชาติ

จดจำการเชื่อมต่อของคุณกับโลก การเลือกหยุดใช้ผลิตภัณฑ์เคมีมีผลกระทบอย่างมาก ไม่ใช่แค่ร่างกายของคุณเท่านั้น แต่ต่อโลกของเราด้วย มันส่งผลกระทบต่อมหาสมุทร ทางน้ำ สัตว์ และอากาศที่เราหายใจ การเปลี่ยนไปใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติล้วนเป็นของขวัญที่ไม่เพียงแต่มอบให้กับตัวคุณเองเท่านั้น แต่ยังมอบให้แก่โลกทั้งใบด้วย

เมื่อคุณอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่ต้องใช้ความพยายามเพิ่มขึ้นเล็กน้อย การเตือนตัวเองว่าทำไมการเปลี่ยนแปลงนั้นจึงดีไม่เพียงแต่สำหรับคุณเท่านั้นแต่สำหรับคนอื่นๆ ด้วย

ทดลองเพื่อดูว่าอะไรได้ผล หากผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติทั้งหมดตัวแรกไม่เหมาะกับคุณ คุณอาจต้องทดลองกับผลิตภัณฑ์บางอย่างก่อนที่จะพบสิ่งที่คุณชอบ ตัวอย่างเช่น BOOMSILK และ BOOMSTICK GLO ต่างก็เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์จากธรรมชาติ ทำจากส่วนผสมจากธรรมชาติทั้งหมด Boomsilk เป็นครีมหรูหราที่นุ่มและบำรุงผิวของคุณ

ตั้งแต่หัวจรดเท้า Boomstick Glo ให้ความชุ่มชื้นและการบำรุงเช่นเดียวกับ Boomsilk แต่มาในรูปแบบแท่งแบบพกพาที่คุณสามารถพกพาไปได้ทุกที่ จากการทดลองทั้งสองอย่าง ลูกค้า Boom ของเราได้ค้นพบว่าสิ่งใด

ที่เหมาะกับพวกเขา และผิวใดที่ “ชอบ” ที่สุด มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่ยอมทาลิปสติกบนแก้มเพื่อแต่งเติมเร็วๆ บ้างไหม แนวคิดทั้งหมดที่อยู่เบื้องหลัง BOOM! น้อยคือมาก ผู้หญิงไม่ควรต้องใช้ผลิตภัณฑ์แต่งหน้าที่แตกต่างกันมากมาย โดยเฉพาะในยุค 50, 60, 70 และหลังจากนั้น

คุณควรจะทำให้กิจวัตรการแต่งหน้าของคุณง่ายขึ้น โดยเหลือเพียงไม่กี่รายการที่ดึงเอาสิ่งที่ดีที่สุดของคุณออกมา นั่นเป็นเหตุผลที่ Cindy Joseph ผู้ก่อตั้งผู้ล่วงลับของเราได้สร้างสรรค์ Boomsticks ขึ้นมา เครื่องสำอางแบบแท่งครีมขนาดกะทัดรัดทั้งสามนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ง่ายขึ้น แทนที่ผลิตภัณฑ์จำนวนมาก

ในกระเป๋าแต่งหน้าของคุณ บูม เป็นเสียงของการปฏิวัติวงการเครื่องสำอาง ในขณะที่บริษัทผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางอื่นๆ มีผลิตภัณฑ์ “ต่อต้านริ้วรอย” BOOM! เป็นบริษัทเดียวที่เป็น “PRO-AGE” และไม่ใช่เราคนเดียวที่คิดว่าอายุเป็นสิ่งสวยงาม

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    เครื่องช่วยฟังราคาถูก

การศึกษาพบว่ามลพิษทางอากาศเชื่อมโยงกับการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ

มลพิษทางอากาศ การศึกษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลในประเทศจีน 200,000 รายพบว่าการสัมผัสมลพิษทางอากาศอย่างเฉียบพลันทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ มลพิษทางอากาศ

เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ จากการศึกษาจำนวนมากพบว่า โดยงานวิจัยนี้อิงจากการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเกือบ 200,000 รายในจีน พบว่าความเสี่ยงของภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 2-3 ชั่วโมงแรกหลังจากระดับมลพิษทางอากาศเพิ่มขึ้น ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหัวใจวายเฉียบพลันได้

เราพบว่าการสัมผัสมลพิษทางอากาศอย่างเฉียบพลันนั้นสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ” ดร.เหรินเจี๋ย เฉิน จากมหาวิทยาลัยฟู่ตั้นในเซี่ยงไฮ้กล่าว “ความเสี่ยงเกิดขึ้นในช่วงหลายชั่วโมงแรกหลังการสัมผัส และอาจคงอยู่ต่อไปอีก 24 ชั่วโมง”

สำหรับการศึกษาเมื่อปีที่แล้วรายงานความเชื่อมโยงระหว่างมลพิษทางอากาศที่มีฝุ่นละอองขนาดเล็กกับภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะในวัยรุ่นที่มีสุขภาพดี และยืนยันว่าสิ่งนี้แปลเป็นความเสี่ยงต่อสุขภาพที่มีนัยสำคัญ การศึกษายังชี้ให้เห็นว่าความเสี่ยงในการสัมผัสสารมลพิษหกชนิดนั้นมีลักษณะเชิงเส้นโดยประมาณโดยไม่มีเกณฑ์ที่ปลอดภัยที่ชัดเจน การศึกษารวมผู้ป่วย 190,115 รายที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลใน 322 เมืองของจีน

ซึ่งป่วยด้วยภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะอย่างฉับพลัน รวมถึงภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจเต้นเร็ว หัวใจเต้นเร็วก่อนกำหนด และหัวใจเต้นเร็วเหนือห้องล่าง

มลพิษทางอากาศในจีนอยู่เหนือหลักเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลกในด้านคุณภาพอากาศ และนักวิจัยได้วิเคราะห์ความเข้มข้นของสารมลพิษทางอากาศ 6 ชนิดจากสถานีตรวจวัดซึ่งอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลที่รายงานมากที่สุด ในจำนวนนี้ ไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) มีความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดกับภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะทั้งสี่ประเภท ผลกระทบที่แน่นอนของมลพิษทางอากาศยังไม่ชัดเจน

แต่มีหลักฐานบางอย่างที่บ่งชี้ว่าทำให้เกิดความเครียดจาก  เครื่องช่วยฟังราคาถูก   ปฏิกิริยาออกซิเดชันและการอักเสบ ซึ่งอาจส่งผลต่อกิจกรรมทางไฟฟ้าของหัวใจ

แม้ว่าจะยังไม่เข้าใจกลไกที่แน่ชัด แต่ความสัมพันธ์ระหว่างมลพิษทางอากาศกับอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะอย่างเฉียบพลันที่เราสังเกตเห็นนั้นมีความเป็นไปได้ทางชีวภาพ” ผู้เขียนเขียน การศึกษาก่อนหน้านี้พบว่าในวันที่มีมลภาวะสูงในอังกฤษ ผู้คนอีกหลายร้อยคนต้องรีบไปโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาฉุกเฉินหลังจากมีอาการหัวใจหยุดเต้น โรคหลอดเลือดสมอง และโรคหอบหืด ในปี 2020

มูลนิธิ British Heart Foundation ประเมินว่าผู้คนมากกว่า 160,000 คนอาจเสียชีวิตในทศวรรษหน้าจากโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจวายที่เชื่อมโยงกับมลพิษทางอากาศ และผลกระทบต่อสุขภาพยังขยายไปไกลกว่าโรคหัวใจ ด้วยงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าฝุ่นละอองในอากาศกำลังเพิ่มอัตราการเกิดมะเร็งปอด

โดยกระตุ้นให้เกิดการกลายพันธุ์ที่อยู่เฉยๆ ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการเติบโตของเนื้องอก ผู้เขียนกล่าวว่าการค้นพบนี้ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Canadian Medical Association เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการปกป้องผู้ที่มีความเสี่ยงในช่วงที่มีมลพิษทางอากาศอย่างหนัก และเพื่อลดการสัมผัสโดยรวม

ผู้ป่วยในระบบ Home isolation ของกรุงเทพฯตอนนี้มีมากกว่า 1 แสนราย

ผู้ป่วยในระบบ Home isolation ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ล้วนแล้วแต่มีความน่าสนใจทั้งสิ้น   เช่นเดียวกันกับเรื่องราวที่เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักในวันนี้  เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 

และการรักษาตนเองแบบ Home  isolation ซึ่งระบบ Home isolation ดังกล่าวนี้  หลายคนต่างก็เคยได้ยินว่ารู้จักกันเป็นอย่างดี  แต่บางคนก็อาจจะไม่ค่อยได้คุ้นเคยกันเท่าไหร่นัก  หรือว่าอาจจะเคยได้ยินผ่านหูผ่านตา

  แต่ไม่รู้ว่าระบบดังกล่าวนั้น  คืออะไรในวันนี้สิ่งที่เรากำลังจะพูดถึงความน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน  เราไปทำความรู้จักกันพร้อมกันเลยดีกว่า 

สิ่งที่น่าสนใจที่เรากำลังจะพาทุกคนไปทำความรู้จักแต่วันนี้นั้น  เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า -19   การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 และมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก  โดยเฉพาะวิธีการรักษา   แน่นอนว่าในปัจจุบันนี้ส่วนมากแล้ว    ผู้คนก็จะรักษาตนเองอยู่ที่บ้าน

  หรือที่เราเรียกกันว่า Home isolation การที่ปัจจุบันได้นำวิธีดังกล่าวมาใช้ มีผลสืบเนื่องจากสถานการณ์ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น  เตียงในโรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์  อาจจะไม่เพียงพอและถ้าหากว่ามีการตรวจ  และพบว่า อาการของเราไม่ได้รุนแรงอะไรมากนัก  การรักษาตนเองอยู่ที่บ้านก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ 

ภาพรวมของตัวเลขผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง  ด้วยรายงานจาก ศบค.     เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 60 เปิดเผยตัวเลขของผู้ติดเชื้อโควิดในไทย  ในกรุงเทพฯที่เข้าสู่การรักษาตัวแบบ    Home isolation จำนวนกว่า 1,000 ราย 

ทั้งนี้รายงานในที่ประชุม ศบค. ได้พูดถึงการจับคู่ศูนย์บริการ ร่วมกันดูแลผู้ป่วยในเขต กทม. ซึ่งมีมากขึ้น 232 จุดโดยมีความคืบหน้าและทุกภาคส่วนทำงานหนัก  เพื่อให้ระบบการดูแลประชาชนปลอดภัย รวดเร็วและมากขึ้น

และการแพร่ระบาดตอนนี้จะยังไม่คลี่คลาย แถมตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันยังพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง  กลายเป็นความหวั่นวิตกของประชาชนจำนวนมาก  เมื่อรวมกับสถานการณ์เสี่ยง covid  ที่ยังไม่ชัดเจน  แถมยังเข้าถึงยากยิ่งเพิ่มความหวั่นวิตกให้กับประชาชนมากขึ้น     การทำ Home isolation จะเป็นไข้วิธีเบื้องต้น  ที่เอามาแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าเท่านั้น  และแน่นอนว่านอกจากเรื่องราวที่เราที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว 

ก็มีอะไรอีกมากมายที่มีความน่าสนใจที่เราอยากจะนำเสนอทุกคนได้รับรู้การเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา  แต่ทว่าภายในระยะเวลาสั้นๆมันก็คงจะไม่สามารถที่จะทำแบบนั้นได้  ดังนั้นแล้วถ้าคนสนใจอยากจะทำความรู้จักและศึกษาเรื่องราวเหล่านี้เพิ่มเติม    ก็สามารถศึกษาค้นหาข้อมูลได้ผ่านอินเทอร์เน็ต 

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    เครื่องช่วยฟังราคาถูก

3 อาหารที่เป็นยาช่วยรักษาโรคได้

อาหารที่เป็นยาช่วยรักษาโรคได้ สมัยปัจจุบันนี้หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าอาหารที่เรารับประทานหนึ่งทุกวันนี้ก็มีส่วนช่วยในการรักษาโรคได้เช่นกันอีกทั้งยังมีความปลอดภัยต่อสุขภาพร่างกายของเราอีกด้วย

เนื่องจากในสมัยปัจจุบันนี้การดูแลสุขภาพร่างกายนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากที่เราไม่ควรมองข้ามอีกทั้งยังเป็นสิ่งสำคัญที่เราควรให้ความใส่ใจเป็นอย่างดีเพื่อที่เราจะได้มีสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรงเพื่อ ให้การใช้ชีวิตของเรานั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

เพราะในสมัยปัจจุบันนี้โรคภัยไข้เจ็บอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อและอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาโดยที่เราเองก็อาจไม่รู้ตัว จึงทำให้การดูแลสุขภาพร่างกายของเรานั้นเป็นสิ่งสำคัญที่เราไม่ควรมองข้ามยิ่งหากเราดูแลรักษาสุขภาพร่างกายดีก็จะยิ่งทำให้การดำเนินการใช้ชีวิตในประจำวันของเรานั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม อาหารในสมัยปัจจุบันนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นยารักษาโรคได้ทุกประเภท ซึ่งมีอาหารแต่ละประเภทที่อาจเป็นตัวทำลายสุขภาพร่างกายของเราด้วยเช่นกันทางที่ดีก่อนรับประทานอาหารเราก็ควรที่จะเลือกให้ดีว่าอาหารที่เรารับประทานเข้าไปนั้นส่งผลดีและมีประโยชน์ต่อร่างกายของเราอย่างไรกันบ้าง

เพราะฉะนั้นเพื่อลดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายต่างๆได้ง่ายวันนี้เราก็จะมาแนะนำอาหารที่เป็นยารักษาโรคได้รับรองได้เลยว่าหากทานเป็นประจำนอกจากจะส่งผลดีต่อร่างกายอย่างช่วยรักษาโรคต่างๆได้อีกด้วย จะมีอาหารประเภทไหนกันบ้างนั้นไปดูกันเลย

1.ขมิ้น แน่นอนว่าเป็นหนึ่งในสมุนไพรที่หลายๆคนนั้น มักที่จะนำมาประกอบอาหารไม่ว่าจะเป็นเมนูไหนก็ตามเพราะประโยชน์ของขมิ้นนั้นเรียกได้ว่าสามารถให้ประโยชน์แก่ร่างกายของเราได้อย่างครบถ้วนอีกทั้งยังเป็นยาที่มีส่วนช่วยในการรักษาโรคต่างๆหรืออาการต่างๆได้เป็นอย่างดีอีกด้วย เพราะขมิ้นนั้นจะมีส่วนช่วยในการลดอาการอักเสบของข้อต่างๆได้ อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในการลด อาการที่เกี่ยวข้องกับสมองได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

2.ปลาแซลมอน ปลาชนิดนี้เรียกได้ว่าเป็นปลาที่มีประโยชน์และคนส่วนใหญ่นิยมทานกันเป็นอย่างมาก ซึ่งหลายคนอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่าปลาแซลมอนอุดมไปด้วยโอเมก้าสามที่มีประโยชน์ต่อร่างกายแต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าปลาแซลมอนก็เป็นหนึ่งในอาหารที่เป็นยาและมีส่วนช่วยในการรักษาโรคได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วยลดอาการอักเสบ หรือช่วยลดอาการระบบเผาผลาญที่ทำงานผิดปกติได้อีกด้วย

3.ชาดอกชบา หลายคนในสมัยปัจจุบันนี้คงจะชื่นชอบการดื่มน้ำชากันเป็นอย่างมากซึ่งรู้หรือไม่ว่าการที่เรานำดอกชบามาทำเป็นเครื่องดื่มหรือชาดื่มจะยิ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก เพราะดอกชบานั้นจะมีส่วนช่วยในการลดความดันโลหิตได้ ยิ่งถ้าใครมีปัญหาเกี่ยวกับความดันโลหิตสูงหารดื่มชาดอกชบาเป็นประจำจะช่วยลดอาการต่างๆเหล่านี้ได้อย่างแน่นอน

 

ได้รับการสนับสนุนจาก  เครื่องช่วยฟังราคาถูก

ตัวเลือกสุขภาพถั่วเหลืองแหล่งโปรตีนชั้นเยี่ยม

ตัวเลือกสุขภาพถั่วเหลือง หลาย ๆ ท่านคงจะทราบว่าการทานอาหารสะอาด สารอาหารครบถ้วนสมบูรณ์ รวมทั้ง เลือกกินในจำนวนที่เหมาะ จะเป็นหลักฐานสำคัญสำหรับเพื่อการดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง เว้นแต่แนวทางพวกนี้แล้ว พวกเรายังสามารถหาทาน โปรตีนถั่วเหลือง ที่มีแหล่งที่มาจากพืช อีกหนึ่งโอกาสของแฟน ๆ สุขภาพที่สามารถหาทานได้ 

ส่วนโปรตีนจากถั่วเหลืองจะดีกว่าโปรตีนจากสัตว์เช่นไร หรือแตกต่างกันแบบไหน มาดูกันจ้ะ



ในพืชชนิดหนึ่งที่เรารู้จักกันดีที่เรียกว่า ถั่วเหลือง เป็นแหล่งโปรตีนที่มาจากพืชประเภทหนึ่ง ซึ่งโปรตีนซึ่งได้มาจากพืชรวมทั้งจากสัตว์มีความต่างกันที่ปริมาณกรดอะมิโน สำหรับของกินบางจำพวก ดังเช่น ถั่วเหลือง จะมีจำนวนกรดอะมิโนเสมอกันกับเนื้อสัตว์แม้กระนั้นปราศจากไขมันแล้วก็คอเลสเตอรอลในระหว่างที่เนื้อสัตว์จะมีไขมันอิ่มตัวและก็คอเลสเตอรอลสูง 

การกินโปรตีนจากสัตว์ก็เลยบางทีก็อาจจะไม่เหมาะสมกับบางคนที่มีไขมันในเลือดสูง หรือกำลังอยู่ในภาวะควบคุมเรื่องน้ำหนักอยู่ ถึงแม้ว่าโปรตีนที่ได้มากจากถั่วเหลืองถึงจะมีแคลเซียมน้อยกว่าเนื้อสัตว์ แต่ว่ามีโปรตีนสูงขึ้นมากยิ่งกว่าถึง 35%

 หลาย ๆ ท่านที่กำลังลดหุ่นก็เลยชอบเลือกที่จะทานหรือกินโปรตีนจากถั่วเหลืองแทนเนื้อสัตว์ ยิ่งไปกว่านี้บางงานที่ศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยยังมีการกล่าวถึงการบริโภคโปรตีนจากถั่วเหลือง 25 g ก็สามารถทำให้คนนั้น มีโอกาสด้านสุขภาพในการที่จะไม่เป็นโรคเกี่ยวกับมะเร็งและก็หัวใจอีกด้วย



รับประทานโปรตีน ไม่เหมาะสม สร้างปัญหาสุขภาพ

การบริโภคโปรตีนนั้น ไม่สมควรรับประทานมากมายหรือไม่เพียงพอ เพราะว่าอาจก่อให้เป็นผลเสียได้ ถ้าต้องการจะทราบดีว่าควรรับประทานโปรตีนเช่นไรรวมทั้งจำนวนมากแค่ไหนนั้น อาจเริ่มต้นดูจากร่างกาย และก็ไลฟ์สไตล์ของตนเองก่อน ถ้าร่างกายมีการขาดโปรตีน จะมีลักษณะอาการสูญเสียมวลกล้าม มีปัญหาที่ผิวหนัง เส้นผมรวมทั้งเล็บ 

นอกเหนือจากนี้ยังมีลักษณะอาการทางด้านระบบภูมิต้านทานเป็นแผลหายช้า และก็ป่วยไข้ง่ายอีกด้วย



สำหรับคนปกติ ชี้แนะว่าควรจะรับโปรตีนเข้าสู่ร่างกาย โดยคำนวณตามน้ำหนักที่สมควร ดังเช่น โปรตีนหนึ่งกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 kg สำหรับน้ำหนักมาตรฐาน แม้กระนั้นถ้าหากเป็นผู้มีน้ำหนักเกินก็ไม่สมควรคำนวณจากน้ำหนักจริง สำหรับคนวัยสูงอายุชอบมีลักษณะท่าทางอาการขาดโปรตีนสูง ด้วยเหตุดังกล่าวถ้าอายุมากขึ้นก็ควรจะคำนวณจำนวนโปรตีนให้สมควร โดยเลือกบริโภคโปรตีนซึ่งสามารถย่อยแล้วก็ดูดซึมได้ง่าย



ถ้าหากคุณเป็นนักกีฬา ควรกินโปรตีนมากยิ่งกว่าธรรมดาหมายถึง1.5-2 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กก. แต่ว่าก็ไม่สมควรรับประทานมากเกินความจำเป็นนอกนั้นคนเจ็บโรคไตก็ ควรจะควบคุมจำนวนการบริโภคโปรตีน ทางที่ดีไปหารือกับแพทย์ก่อนจะดีที่สุด

 

สนับสนุนโดย.  เครื่องช่วยฟังราคาถูก