โรคหลอดเลือดสมอง อาการแบบไหนที่ว่าเสี่ยง

โรคหลอดเลือดสมอง หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ Stroke เป็นอาการผิดปกติทางหลอดเลือดสมองที่อาจเกิดอาการได้อย่างกะทันหัน จนอาจก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ภายในไม่กี่นาที ดังนั้นหากสังเกตอาการที่เป็นสัญญาณเตือนภัยตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็จะช่วยให้เรารู้ตัวเร็วว่าเรามีความเสี่ยงต่อโรคนี้ และทำการรักษาก่อนเกิดอาการได้ทันท่วงที

ทำไมโรคหลอดเลือดสมองถึงอันตราย ?
อันตรายจากโรคหลอดเลือดสมอง ที่อาจทำให้เสียชีวิตได้ ไม่ได้มาจากอาการของโรคโดยตรง แต่เป็นอันตรายเมื่อเกิดอาการในช่วงเวลาที่คาดไม่ถึง เช่น ในระหว่างขับรถ เดินบนบันได อยู่ใกล้ที่สูง อาจทำให้พลาดเกิดอุบัติเหตุจนเสียชีวิตได้

“ปวดหัว” สัญญาณอันตราย “หลอดเลือดสมอง”
แม้ว่าจะเป็นโรคที่สามารถมีอาการเกิดขึ้นได้โดยไม่มีสัญญาณบอกล่วงหน้า แต่มีอาการเบื้องต้นที่เป็นสัญญาณอันตรายของโรคให้เราตระหนักถึงได้อยู่หลายอย่างด้วยกัน

อาการที่เกิดขึ้นเป็นอาการแรกๆ คือ อาการปวดหัว หากคุณมีอาการปวดศีรษะรุนแรงแบบฉับพลัน บวกกับอาการพูดไม่ชัด มีอาการมึนงง สับสน แขนขาชาหรืออ่อนแรงฉับพลัน หรือหมดความรู้สึกทำให้ทรงตัวลำบาก นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคหลอดเลือดสมอง

ในกรณีที่เราพบผู้ป่วยที่ต้องสงสัยว่าอาจมีอาการของโรคหลอดเลือดสมองกะทันหัน สามารถทดสอบได้ง่ายๆ ด้วยวิธีเหล่านี้

หากมีอาการหน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว ให้สังเกตว่าใบหน้ามีการขยับได้เหมือนกันทั้งด้านซ้ายหรือขวา

ให้ผู้ป่วยพูดออกเสียง หรือพูดตามคำที่ผู้ตรวจพูดแล้วสังเกตว่าผู้ป่วยสามารถออกเสียงได้ชัดเจนหรือไม่

ให้ผู้ป่วยหลับตาแล้วยกแขนที่ศอกทั้งสองข้างเหยียดตึง ชูสูงขึ้น แล้วสังเกตว่ามีการอ่อนแรงของแขนข้างใดข้างหนึ่งหรือไม่

หากมีอาการใดอาการหนึ่งที่มีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมอง ควรรีบพบไปพบแพทย์ทันทีโดยไม่ต้องรอให้เกิดอาการอื่น ๆ อีก เพราะหากเกิดอาการทรงตัวไม่ได้ หน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว ควบคุมร่างกายไม่ได้ จะมีเวลาเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้นที่จะยื้อชีวิตผู้ป่วยได้

เลือกกินอย่างฉลาดอาหารเช้าสำหรับคนทำงาน

รักสุขภาพ รักสวยรักงาม นั้นเป็นเรื่องที่หลายๆคนก็คิดกันอยู่เสมอ แต่เมื่อคนเราต้องเดินทางออกไปทำงานนอกบ้าน ก็จะต้องเจอกับเมนูอาหารร้อยแปดพันอย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และดูเหมือนตัวเลือกจะเริ่มยากขึ้นเรื่อยๆ ลองมาดูวิธีเอาตัวรอดในการเลือกเมนูอาหารของคนวัยทำงานในตอนเช้าๆกันดีกว่าค่ะ

โยเกิร์ตไขมันต่ำรสธรรมชาติ กินคู่กับกล้วย
เริ่มต้นวันใหม่ด้วยแคลอรี่ปานกลางกับโยเกิร์ตที่ช่วยการทำงานของทางเดินอาหาร ทำให้การย่อยระหว่างวันเป็นไปอย่างาบรื่น ไม่อึดอัดท้อง แถมหน้าท้องยังคงแบนราบ

ขนมปังโฮลวีททาน้ำผึ้งธรรมชาติ
ทุกเช้าที่เร่งรีบทำได้ไม่ยาก เพียงเตรียมขนมปังโฮลวีทชนิดกากใยอาหารมากกว่าขนมปังทั่วไป กินกับน้ำผึ้งจะได้คล่องคอขึ้น แต่ต้องไม่ใส่มากเกินไปนะคะ

ข้าวหน้าไก่
ข้าวมันไก่ต่อจานนี้ ถือว่าเป็นการพบกันครึ่งทางระหว่างความอร่อยและการควบคุมแคลอรี่และไขมันส่วนเกิน เลือกกินเนื้อไก่ล้วนไม่ติดมันและไม่ติดหนัง ราดน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวตามต้องการ แค่นี้คุณก็จะได้อร่อยใกล้เคียงเมนูเดิมโดยไม่ต้องเซ็งกับไขมันส่วนเกินอีก

เกาเหลาแห้งลูกชิ้นเนื้อสด
แม้เข้าร้านก๋วยเตี๋ยวคุณก็สามารถควบคุมแคลอรี่ได้ เพียงสั่งเกาเหลา จะให้ดีอย่าใส่น้ำมันกระเทียมเจียว และน้ำซุปในก๋วยเตี๋ยว เดี๋ยวนี้มีน้ำตาลแฝงมาด้วยเต็มสตรีม หากเป็นไปได้ก็ควรเลือกเกาเหลาแห้งจะดีกว่าค่ะ

ข้าวผัดน้ำพริกปลาทู
อาหารจานโปรดเคล็ดลับความงามของคนไทยตัวจริง เพราะนอกจากจะอุดมไปด้วยผักต้มและผักสดที่ให้คุณค่ามากมาย กินร่วมกับปลาทูที่ให้โปรตีน และน้ำพริกเพิ่มรสอร่อยแต่ไม่หนักแคลอรี่เลย ผลก็คือจานเด็ดที่อร่อยสุดๆ และไม่เสี่ยงกับไขมันสะสม

จานนี้..ที่ต้องหลีกเลี่ยง

โจ๊กหมูสับใส่ไข
หลีกเลี่ยงชามโปรดนี้ดีกว่า เพราะจ็กนั้นมีทั้งข้าวบดและน้ำแป้ง แคลอรี่มากมาย กินแล้วแคลอรี่เกินกันแต่เช้า ไม่พอยังเร่งให้หิวเร็วขึ้นในช่วงเที่ยงและบ่ายอีกต่างหาก

ปาท่องโก๋จิ้มนมข้นหวาน
เช้าๆ แบบเร่งรีบแต่หวานมันอย่างนี้คงไม่เหมาะเท่าไหร่นัก จัดเป็นจานที่ควรหลีกเลี่ยงช่วงควบคุมน้ำหนักเลยทีเดียว

ข้าวผัดหมูใส่ไข่
อาหารจานโปรดของใครหลายๆ คนที่สั่งได้ทุกที่ทุกแห่งในเมืองไทย ไม่ใช่คำตอบที่ดีสำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนักอยู่แน่นอน เพราะข้าวผัดนั้นเป็นเมนูที่ให้ทั้งคาร์โบไฮเดรตจากแป้งและน้ำมันที่ใช้ผัด อีกทั้งไข่มาพร้อมแคลอรี่เกินแบบจัดเต็มเลยทีเดียว

เส้นเล็กต้มยำ
ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ เส้นเหนียวหอมกับน้ำซุปจี๊ดจ๊าด ยิ่งโรยหมูสับกับถั่วเข้าไปอีก แคลอรี่กระฉุดเลยค่ะ!

ข้าวราดหมูผัดพริกแกง
อาหารที่คุณควรหลีกเลี่ยงไปไกลๆ ก็คือหมูผัดพริกแกง ที่อถดมไปด้วยน้ำมัน กะทิ ทำให้กิล่นหอมมันมากยิ่งขึ้น พริกแกงออกรสแต่ก็หนักแคลอรี่ตามไปด้วย ราดกับข้าวสวยร้อนๆยิ่งอร่อย เผลอๆได้ไขมันเกินไปมากมาย

เกิดเป็นคนในยุคนี้ ก็ต้องสวยหล่อในทุกที่ทุกสถานการณ์ บ่อยครั้งที่คุณต้องออกเดินทางไปทำงานหรือท่องเที่ยว ทำให้คุณหลีกเลี่ยงร้านอาหารจานด่วนไม่ได้ แต่เดินเชิดหน้าเข้าร้านและหันไปมองเมนูที่ทำร้ายร่างกายน้อยที่สุด เท่านี้ร่างกายและรูปร่างของคุณก็จะดูดีได้แล้วค่ะ

แค่เดินถูกวิธี ก็สามารถเผาผลาญได้

“อ้วนขึ้นหรือเปล่าจ๊ะ?” คำทักทายนี้ช่างสะเทือนตับไตไส้พุงหนุ่มสาวหลายคนยิ่งนัก อยากจะบอกว่า #ไม่น่ารักเลย ทักกันแบบนี้ อยากตะโกนกู่ร้องให้โลกรู้ว่า ‪#‎อย่าหาว่าพี่สอนเลยนะ‬ อ้วนไม่ใช่คำทักทายย่ะ พอกลับบ้านมาส่องกระจกเห็นแขนขาล่ำสัน พร้อมพุงกะทิน้อย ๆ เซลลูไลท์นิด ๆ ก็ชูสองนิ้วปฏิญาณตนกันทันทีว่า “ฉันจะออกกำลังกายฟิตหุ่น คอยดูนะพวกเธอ ฉันจะผอม” ถ้าลองนับก็ไม่รู้ว่ารอบที่เท่าไรกันแล้วที่พูดแบบนั้น สุดท้ายด้วยหน้าที่การงานเวลาที่จำกัด กลับบ้านมาอย่าว่าแต่จะออกกำลังกายแค่อาบน้ำยังขี้เกียจเลย กลายเป็น “พรุ่งนี้ค่อยลด” วนเวียนตลอด แล้วเมื่อไหร่ฉันจะผอมหุ่นดีมีซิกแพคกับเขาบ้างเนี่ย?

อย่าเพิ่งใจเสียไปค่ะ เราเข้าใจว่าด้วยภาระหน้าที่ของแต่ละคนทำให้ไม่มีเวลาไปออกกำลังกายได้อย่างใจคิด วันนี้เราเลยมีการเบิร์นแคลอรี่ที่ได้ผลดีไม่ต้องใช้เวลามาก แต่เป็นสิ่งที่เราทำในชีวิตประจำวันอยู่แล้วมาแนะนำ นั่นก็คือ “การเดิน” นั่นเอง

 

รู้หรือเปล่าคะการเดินเพียงวันละ 30 นาที ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้ประมาณ 120-170 แคลอรี่เชียวนะ แต่ถ้าจะบอกลาแคลอรี่ไม่ใช่ว่าเราจะเดินเฉย ๆ นะ แต่ต้องเดินให้ถูกวิธีด้วยถึงจะได้ผล ไปดูการเดินที่ถูกวิธี บอกลาแคลอรี่กันแบบไม่ยุ่งยากกันเลย

เดินเร็ว

  • การเดินช้า ๆ หรือเดินทอดน่องไม่สามารถช่วยเบิร์นแคลอรี่ได้มากนัก การเดินที่ได้ผลคือ “ต้องเดินแล้วเหนื่อย” เพราะฉะนั้นเวลาเดินควรเดินเร็ว ๆ ก้าวเท้าถี่ ๆ จะช่วยเผาผลาญแคลอรี่จากกล้ามเนื้อขา และสะโพกได้ นอกจากนี้การเดินเร็ว ๆ ยังเป็นการกระตุ้นการทำงานของร่างกายโดยเฉพาะระบบหัวใจและหลอดเลือดให้ทำงานเพิ่มขึ้น เป็นการฝึกให้หัวใจทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย

แกว่งแขนไปมา

  • บริเวณใต้รักแร้ของเรามีต่อมน้ำเหลืองอยู่ ดังนั้นการแกว่งแขนจะช่วยให้ต่อมน้ำเหลืองมีการไหลเวียนดีขึ้น ทำให้ขับสารพิษและของเสียออกจากร่างกาย วิธีแกว่งแขนควรแกว่งไปหน้าหลังให้สุดแกว่งมาด้านหน้าให้ผ่อน โดยแกว่งสลับกับขาที่ก้าวออกไปข้างหน้า หากทำถูกวิธีจะช่วยทำให้ลดการสะสมของไขมันที่ใต้ผิวหนังและช่องท้อง แถมการแกว่งแขนไปมายังช่วยบริหารบริเวณหัวไหล่ ทำให้คุณคลายปวดไหล่ปวดบ่าจากการทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นาน ๆ อีกด้วยนะคะ

เดินสลับวิ่ง

  • บางคนที่สุขภาพแข็งแรงเดินอย่างเดียวอาจจะรู้สึกเหนื่อยไม่พอ การที่ไม่รู้สึกเหนื่อยก็แสดงว่าไม่ได้ผลนะคะ ดังนั้น เราอาจจะเกินสลับวิ่ง เพื่อช่วยเพิ่มการทำงานของหัวใจ เช่น เดิน 40 ก้าว วิ่ง 40 ก้าว แล้วค่อย ๆ ลดจำนวนการเดินเพิ่มจำนวนการวิ่งไปเรื่อย ๆ สำหรับข้อนี้แนะนำให้ทำตอนเย็นดีกว่าตอนเช้า ไม่อย่างนั้นคุณอาจจะเหม็นเหงื่อตัวเองไปทั้งวันแน่ ๆ

เดินขึ้นบันไดแทนลิฟต์

  • เชื่อไหมว่า การขึ้นบันไดประมาณ 15 นาที จะมีการเผาผลาญพลังงานถึง 150 แคลอรี่ต่อครั้งเลยทีเดียว การขึ้นบันไดเป็นการออกกำลังแบบแอโรบิคช่วยทำให้หัวใจแข็งแรง เสริมสร้างกล้ามเนื้อต้นขา น่องและก้นจะแข็งแรง (แถมกระชับด้วยนะ) รู้แบบนี้แล้ว ถ้าต้องขึ้นไปชั้นอื่นที่ไม่ไกลนัก ก็เปลี่ยนมาเดินขึ้นบันไดให้ติดเป็นนิสัยกันดีกว่าค่ะ ได้ทั้งเบิร์นไขมันได้ทั้งประหยัดพลังงานดีจะตาย

ค่อย ๆ หยุดเมื่อใกล้ถึงที่หมาย

  • เนื่องจากเราเดินมาเร็ว ๆ จะให้มาหยุดปุ๊บปั๊บ อาจจะทำให้ระบบในร่างกายหยุดทำงานกะทันหันเกินไป กล้ามเนื้อก็อาจจะบาดเจ็บได้ ดังนั้น ก่อนหยุดเดิน ควรมีระยะผ่อนคลาย คือ ค่อย ๆ เดินช้าลงเมื่อใกล้ถึงที่หมาย หรืออาจะใช้การยืดเส้นยืดสายเบา ๆ เหมือนกับการคูลดาวน์หลังออกกำลังกาย เพื่อให้ระบบต่าง ๆในร่างกายค่อย ๆ ปรับตัวลดการทำงานลงสู่สภาวะปกติ การค่อย ๆ หยุดเดินมีความสำคัญมากโดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่มักมีปัญหาการทำงานของระบบหัวใจและหลอดเลือด

เห็นไหมคะ ไม่ยากเลยที่จะเผาเจ้าไขมันตัวดี แค่ขยับก็เท่ากับออกกำลังกายแล้ว เพียงแต่เราต้องเพิ่มสเต็ปขยับให้ถูกวิธีนิดหนึ่งถึงจะได้ผล ซึ่งข้อที่ควรจำไว้ให้มั่นเลย คือ “ต้องเดินให้เหนื่อยถึงจะได้ผล” และต้องเดินเป็นประจำอย่าได้ขี้เกียจเป็นอันขาด ท่องไว้ค่ะ ฉันจะผอม ๆ ถ้าระยะทางใกล้ ๆ เราควรหันมาพึ่งบริการสองขาของเราแทนพี่วินมอเตอร์ไซค์ เดินไปชมวิวไปเพลินจะตาย ที่นี้ล่ะคำทักทายของคนอื่นเวลาเจอคุณจะต้องเปลี่ยนจาก “อ้วนขึ้นหรือเปล่าจ๊ะ?” เป็น “ผอมลงหรือเปล่า ไปทำอะไรมา?” ส่วนใครที่อยากรู้ทิปง่าย ๆ สร้างสุขภาพดี ๆ อ่านบทความนี้ แล้วโบกมือลาแคลอรี่ได้เลยจ้า

การดูแลสุขภาพให้ดีในแต่ละวัน ต้องประกอบไปด้วยอะไรบ้าง

 

   

                  การดูแลสุขภาพถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับมนุษย์ทุกคน เพราะสุขภาพของคนเรานั้นเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คนเรานั้นมีอายุยืนปราศจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายได้ ในปัจจุบันสังคมในประเทศไทยได้มีการเปลี่ยนแปลงไปมากในเรื่องของการใช้แรงงาน หันเปลี่ยนมาเป็นการทำงานที่นั่งโต๊ะทำงานเป็นจำนวนมากอาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายของคุณโดยไม่รู้ตัว ไม่ใช่แค่เพียงการทำงานเรื่องเดียวยังมีเรื่องของการใช้ชีวิตในประจำวันแบบเร่งรีบอาจส่งผลให้เกิดความเครียดได้ แล้วยิ่งในปัจจุบันการทำงานก็เริ่มเยอะมากขึ้นจึงไม่มีเวลาที่จะดูแลสุขภาพ ไม่มีเวลาออกกำลังกาย เท่าที่ควร การออกกำลังกายเป็นยารักษาโรคอีกรูปแบบหนึ่งที่จะช่วยให้ร่างกายของคุณนั้นแข็งแรงได้ รวมไปถึงเรื่องการรับประทานอาหารด้วยในตอนนี้ชีวิตประจำวันของคนทำงานบางส่วนก็ยังทานอาหารที่ไม่มีคุณภาพอย่างเช่น อาหารสำเร็จรูปทั้งหลายที่มี โปรตีน หรือ มีวิตามินน้อยกว่าการรับประทานอาหารทั่วไป อีกทั้งยังมีเรื่องของการไม่ดูแลสุขภาพของตนเองอีกด้วย

วันนี้ผมจะมาแนะนำการรับประทานอาหารเพื่อดูแลสุขภาพให้ดีก็คือ อย่างแรกเลยทุกคนควรกินอาหารในแต่ละมื้อให้ครบ 5 หมู่ และควรควบคุมน้ำหนักตัวเองไม่ควรที่จะปล่อยปะละเลย ต่อมาควรที่จะเลือกทานข้าวเป็นหลักสลับกับอาหารจำพวกแป้งแล้วก็ควรที่จะเลือกกินข้าวกล้องแทนข้าวขาว เพราะว่าข้าวกล้องจะได้สารอาหารหรือใยอาหารมากกว่าในตอนทานข้าวก็ควรทานผักให้เยอะๆ และต้องกินผลไม้เป็นปะจำเพราะจะทำให้สร้างภูมิคุ้มกัน และยังช่วยต้านทานโรคมะเร็งอีกด้วย ควรที่จะหลีกเลี่ยงการกินเนื้อสัตว์ที่ไขมันสูงในบาง มื้อ ถ้าอยากทานเนื้อสัตว์ก็ควรที่จะทานปลาเพราะปลาเป็นสัตว์ที่ทีไขมันต่ำ และที่สำคัญควรจะเลี่ยงไม่กินอาหารที่มีรสจัดด้วย ถ้าหากอยากมีสุขภาพที่ดีก็ควรรับประทานอาหารตามที่กล่าวไว้นะครับ